นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยในงานปาฐกถาพิเศษไทยแลนด์โฟกัส 2022 ให้แก่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเอกชนกว่า120บริษัทว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงเชื่อมั่นประเทศไทย โดยเฉพาะความมั่นคงทางการคลัง และการเงิน โดยหนี้ต่างประเทศของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งหนี้สาธารณะต่อจีดีพียังอยู่ที่ 61%น้อยกว่ากรอบเกือบ 10%และหากรายได้เพิ่ม เศรษฐกิจขยายตัวหนี้ก็จะปรับลงได้อีก
ทั้งนี้ มองว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสเติบโต 3.5% โดยมี 4 ปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ 1.การท่องเที่ยวคาดชาวต่างชาติจะเดินทางเข้าไทย 8-10 ล้านคน คิดเป็น 1 ใน 4 จากช่วงก่อนโควิด 2.การส่งออกช่วง 6 เดือนแรกขยายตัว 12% สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า โดยมีสินค้าเกษตร อาหารเป็นโอกาสสำคัญ ทำให้ทั้งปีจะโตได้ที่ 10% 3.การลงทุน และการใช้จ่ายภายในประเทศ จะได้รับแรงกระตุ้นจากมาตรการภาครัฐบาล ผ่านคนละครึ่งเฟส 5 เมื่อเริ่มใช้จ่าย ทำให้เศรษฐกิจฐานราก พ่อค้าแม่ขายมีความคึกคักในช่วงปลายปี คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ขณะที่การลงทุนภาครัฐ ขณะนี้งบประมาณรายจ่ายปี 66 ผ่านแล้วและจะเริ่มใช้วันที่ 1 ต.ค.65 ซึ่งในช่วงไตรมาสแรก (ต.ค.-ธ.ค.65) คลังได้สั่งให้ส่วนราชการเร่งรัดผลักดันงบลงทุนโครงการขนาดเล็ก ด้วยการประมูลจัดซื้อจัดจ้างไปพลางก่อน เพื่อให้ลงนามได้ทันทีเดือน ต.ค. เพื่อให้เงินกระจายลงสู่ระบบเร็วที่สุด ไม่ไปกระจุกตัวในไตรมาสสุดท้ายเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งตั้งเป้าหมายไตรมาสแรกปีงบ 66 จะเบิกจ่ายได้ 25% ของงบทั้งปี ซึ่งมากกว่าปีงบปกติ คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
นอกจากนี้ รัฐบาลจะเร่งรัดโครงการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หลังได้ลงนามสัญญาไปแล้วหลายโครงการ โดยมองว่าขณะนี้เศรษฐกิจไทยและภูมิภาคอาเซียนยังมีความเข้มแข็ง และเป็นจุดสนใจน่าลงทุนเมื่อเทียบกับทั่วโลก ที่มีความเสี่ยงจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากการเปิดเสรีการค้า (เอฟทีเอ) ส่วนปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองเชื่อว่า โครงการลงทุนที่มีแผนอยู่แล้ว ก็จะดำเนินการลงทุนได้ต่อไป